ศรัทธาที่แลกมาด้วยน้ำตา จากคำว่า “องค์เทพ” สู่การสูญเสียครั้งใหญ่ของหญิงสาว LGBTQ
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อหญิงสาว LGBTQ รายหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความหวังในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ได้เข้าไปเกี่ยวพันกับกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าตนมี “องค์เทพ” ลงประทับ และสามารถชี้ทางชีวิตได้ ทั้งด้านโชคลาภ สุขภาพ ความรัก ไปจนถึงเส้นทางสู่ความร่ำรวย
หญิงสาวคนนี้เล่าว่า เธอพบกับ “ร่างทรง” รายหนึ่งในงานพิธีบวงสรวงครั้งหนึ่ง และได้รับคำทำนายที่ตรงกับชีวิตอย่างน่าประหลาดใจ ตั้งแต่นั้นมา เธอเริ่มมีความเชื่อมั่นว่า “องค์เทพประทานพรให้เธอโดยตรง” และเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางจิตวิญญาณของกลุ่มนั้นบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ
จากหลักพันสู่หลักล้าน ในช่วงแรก เงินที่เธอถวายมีเพียงไม่กี่พันบาท เป็นค่าทำบุญ ค่าของไหว้บูชา หรือร่วมพิธีกรรมเล็ก ๆ แต่เมื่อเธอได้รับคำทำนายว่า “หากถวายมากขึ้น องค์เทพจะเปิดเส้นทางรวยให้เร็วขึ้น” เธอจึงเริ่มโอนเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงระดับหลักแสนและหลักล้าน
ผู้เสียหายระบุว่า ร่างทรงและทีมงานมักกล่าวว่า “องค์เทพต้องการสร้างวิมานบนสวรรค์” หรือ “ต้องใช้เงินเพื่อเปิดประตูบุญ” ซึ่งทำให้เธอเชื่อว่าเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ที่จะส่งผลดีต่อชีวิตและชาติภพหน้า
ตลอดระยะเวลา กว่า 6 ปี ที่เธออยู่ในกลุ่มนี้ เธอถวายเงินไปเกือบ 50 ล้านบาท ทั้งจากรายได้ส่วนตัว การขายทรัพย์สิน และแม้แต่การกู้ยืมเงินจากธนาคาร
เมื่อศรัทธาเริ่มร้าว องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ
แต่แล้วสิ่งที่เธอเชื่อมั่นมาตลอดก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเธอสังเกตว่าชีวิตไม่ได้ดีขึ้นตามที่องค์เทพเคยทำนาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความรัก หรือฐานะทางการเงิน ตรงกันข้าม กลับมีหนี้สินเพิ่มขึ้น ชีวิตเริ่มสับสน จนเข้าสู่ภาวะเครียดและเป็นโรคซึมเศร้า
เธอพยายามขอคำอธิบายจากร่างทรง แต่กลับได้รับคำตอบว่า “ยังไม่ถึงเวลา” หรือ “เจ้ากรรมนายเวรยังไม่ปล่อย” ซึ่งในที่สุด เธอเริ่มตั้งคำถามว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือศรัทธาที่บริสุทธิ์ หรือเป็นการชักจูงที่แฝงไว้ด้วยผลประโยชน์
จุดแตกหัก องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ
วันหนึ่ง เธอตัดสินใจหยุดถวายเงิน และหันมาศึกษาธรรมะด้วยตัวเอง จนพบความขัดแย้งหลายจุดระหว่างคำสอนทางศาสนา กับพฤติกรรมของกลุ่มร่างทรงนั้น เมื่อเธอเริ่มถอนตัวและออกมาเปิดเผยความจริงผ่านโซเชียล มีการปล่อยหลักฐาน เช่น สลิปการโอนเงิน บทสนทนาในไลน์ และเสียงอัดบทพูดที่มีเนื้อหาส่อแววการบีบบังคับ
ฝ่ายร่างทรงตอบโต้ เมื่อฝ่ายร่างทรงทราบเรื่อง ก็ออกมาโพสต์ตอบโต้ทันที พร้อมกล่าวหาว่าเธอ “เนรคุณ” และ “รับพรมาหลายปี พอไม่ได้ดั่งใจก็กล่าวหาองค์เทพ” ทั้งยังกล่าวอีกว่า เงินที่ถวายล้วนเป็นการให้โดยสมัครใจ และไม่เคยมีการบังคับใด ๆ
เรื่องราวนี้กลายเป็นข่าวดังในวงการจิตวิญญาณ และจุดกระแสในโลกออนไลน์ให้ผู้คนตั้งคำถามถึง “ความศรัทธา” กับ “การถูกหลอกโดยศรัทธา” ที่อาจก้ำกึ่งและยากจะแยกแยะ ดูหนังฟรีออนไลน์